การเลือกซื้อไข่มุก

Date: 27/06/2014

Pearl

มุกหรือไข่มุกเป็นอัญมณีที่เกิดจากสารอินทรีย์หรือสิ่งมีชีวิต(Organic Gems)ชนิดหนึ่งซึ่งเป็นที่นิยมและมีราคาสูงที่สุดความแวววาวของมุกจะเกิดจากปรากฏการณ์ของแสงที่เรียกว่าIridescence ภายในมุขนั้นมีโครงสร้างที่เป็นชั้นๆทำให้เกิดการหักเหและสะท้อนกลับเกิดการแทรกของแสง (Interference)ภายในชั้นต่างๆจึงทำให้มองเห็นเป็นเหลือบมุก(Orient) เป็นแสงสว่างแวววาวสวยงามและ สีรองของมุก (Overtone)ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไข่มุกเหลือบและสะท้อนเป็นสีต่างๆที่ตัดกับสีหลัก เช่น สีเหลืองสีเขียว หรือสีชมพู

Image title

โดยไข่มุกแบ่งออกเป็น2 ชนิดคือ

1. ไข่มุกธรรมชาติ (Natural Pearl)

ไข่มุกธรรมชาติคือไข่มุกที่เกิดขึ้นในหอยมุกซึ่งเป็นหอยสองฝามีทั้งชนิดน้ำจืดและน้ำเค็มซึ่งไข่มุกที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาตินั้นส่วนใหญ่จะมีรูปร่างไม่กลมและหาได้ยากมากตรวจสอบยากซึ่งไข่มุกธรรมชาติที่มีรูปร่างสวยงามที่สามารถใช้ได้อุตสาหกรรมเครื่องประดับชั้นนำนั้นมีพียง1% ในโลก

Image title

2. ไข่มุกเลี้ยง (Cultured pearl)

ไข่มุกเลี้ยงเป็นไข่มุกที่เกิดจากหอยมุกที่มนุษย์เลี้ยงซึ่งมีการควบคุมสภาวะแวดล้อมและสารอาหารที่เหมาะสมทำให้ไข่มุกมีรุปร่างกลมสวยงามซึ่งเป็นที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องประดับเป็นอย่างมากประมาณ 99 %โดยตัวแปรสำคัญที่ส่งผลกับมูลค่าและราคาของไข่มุกประกอบด้วย

  1. ขนาด ยิ่งไข่มุกมีขนาดใหญ่เท่าไหร่ มูลค่าและราคาก็จะสูงตามไปด้วย

  2. 2รูปร่างของไข่มุก ซึ่งไม่มุกยิ่งกลมได้สัดส่วนมากเท่าไหร่ ราคาและมูลค่าก็จะสูงขึ้น ต่างกับไข่มุกที่มีรูปร่างบิดเบี้ยวไม่ได้สัดส่วน ไม่กลม ราคาก็จะตกลงอย่างมาก

  3. ผิวที่สวยสะอาดไร้ตำหนิ เนื่องจากไข่มุกมีริ้วรอย ด่างดำ หรือมี รอยแตก จะทำให้มูลค่าของไข่มุกลดลง

  4. สี ความวาว และสีรองของไข่มุก (Overtone) มุกที่มีคุณภาพจะต้องไข่มุกที่มีสีขาวริสุทธ์ หรือถ้ามีสี ก็ต้องมีสีทอง สีเงิน และสีดำทึบ ความวาวสวยงาม ซึ่งบางครั้งไข่มุกที่มีสีรองสวยงาม เช่นสีชมพูหรือสีทองก็จะทำให้ไข่มุกมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นด้วย โดยตัวอย่างของสีไข่มุก Akoya เรียงตามมูลค่าและราคา ดังนี้

  5. แหล่งกำเนิด ไข่มุกแบ่งแยกตามแหล่งกำเนิดออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือไข่มุกน้ำจืดและไข่มุกน้ำเค็ม ซึ่งไข่มุกน้ำเค็มจะมีราคาสูงกว่าไข่มุกน้ำจืดมาก ซึ่งรายละเอียดเป็นดังนี้ครับ

  • Agoya ส่วนใหญ่ไข่มุกชนิดนี้ถูกเลี้ยงอยู่ในประเทศ ญี่ปุ่น จีน เวียดนาม เกิดจากหอยมุกที่มีชื่อว่า Pinctada Fucata ซึ่งมีขนาดอยู่ระหว่าง 2 mm. – 10 mm. ขนาดเฉลี่ยที่พบบ่อยคือ 6-7 mm. ส่วนใหญ่มีสีขาวริสุทธ์ และมีสีรองสีชมพู มีความแวววาวสูงมาก ใช้เวลาเลี้ยงเพื่อให้ได้ไข่มุก ประมาณ 24-36 เดือน

  • South Sea ส่วนใหญ่ไข่มุกชนิดนี้ถูกเลี้ยงอยู่ในประเทศ ออสเตรเลีย อินโดนิเซีย ฟิลิปปินส์ เกิดจากหอยมุกที่มีชื่อว่า Pinctada maxima ซึ่งมีขนาดอยู่ระหว่าง 8 mm. – 18 mm. ขนาดเฉลี่ยที่พบบ่อยคือ 10-15 mm. ส่วนใหญ่จะมีขนาดใหญ่และมีสีทองและสีเงินสวยงาม ใช้เวลาเลี้ยงให้ได้ไข่มุก 18-36 เดือน

  • Tahitian ใหญ่ไข่มุกชนิดนี้ถูกเลี้ยงอยู่ในประเทศ France Polynesia และ Cook Island เกิดจากหอยมุกที่มีชื่อว่า pinctada Margaritifera วึ่งมีขนาดอยู่ระหว่าง 8 mm. – 17 mm. ขนาดเฉลี่ยที่พบบ่อย คือ 9-11 mm. ส่วนใหญ่จะมีสำดำ สีรองส่วนใหญ่จะเป็นสีเขียว สีฟ้า และสีม่วง ซึ่ง Tahitian ที่มีสีดำสวยงามที่สุดจะมีชื่อเรียกว่า Pacecock ซึ่งมีราคาแพงมาก ใช้เวลาในการเลี้ยงประมาณ 30-36 เดือนImage title

  1. ไข่มุกน้ำจืด ( Freshwater Pearl)

ส่วนใหญ่ไข่มุกชนิดนี้ถูกเลี้ยงภายในประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดไข่มุกน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลกรองลงมา คือ ญี่ปุ่น และอเมริกา เกิดจากไข่มุกที่มีชื่อว่าhyriopsis cuminigi ซึ่งมีขนาดอยู่ระหว่าง2 mm. – 13 mm. ขนาดที่พบบ่อยคือ 6-10 mm. มีหลากหลายสีซึ่งนิยมนำไปย้อมสีต่างๆเช่น สีชมพุไข่มุกชนิดนี้ใช้เวลาเลี้ยงเพื่อนำมาผลิตประมาณ24-72 เดือน

Image titleImage title



การดูแลรักษา (Pearl)

ไข่มุกต้องการการเก็บรักษาเป็นอย่างดีเพราะไข่มุกนั้นต้องการความชื่นที่เหมาะสมในการดูแลรักษาถ้าอากาศแห้งมากๆจะทำให้ความวาวของไข่มุกลดลงโดยอาจนำไข่มุกมาทำความสะอาดเป็นครั้งคราวโดยใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆก็ได้ซึ้งต้องเป็นผ้านิ่งๆไม่มีขนเช็ดแล้วแห้งวิธีที่ดีที่สุดคือสวมใส่ไข่มุกบ่อยๆเพื่อให้น้ำจากร่างกายสร้างความชื้นในการรักษาความวาวของไข่มุก

เนื่องจากไข่มุกจะทำปฏิกิริยากับสารเคมีบงชนิดโดยเฉพาะแอมโมเนีย ดังนั้นไม่ควรสวมไข่มุกก่อนแต่งหน้าหรือฉีดน้ำหอมและ ถอดเครื่องประดับทุกครั้งก่อนทาโลชั่นหากไข่มุกมีคราบสกปรกควรทำวามะอาดด้วยน้ำเปล่าริสุทธ์ ห้ามใช้น้ำยาที่มีส่วนผสมของแอมโมเนีย หรือผงซักอกเด็ดขาด

ไข่มุกจัดอยู่ในประเภทกลุ่มพลอยเนื้ออ่อนดังนั้นควรแยกเก็บไข่มุกไม่ให้ประปนกับเครื่องประดับชนิดอื่นเพื่อลดโอกาสการเสียดสีซึ่งทำให้ผิวของไข่มุกเป็นรอยหรือแตกร้าวได้ภาชนะที่ใช้ควรเป็นกล่องนิ่มๆหรือถุงจิวเวอรี หรือถุงผ้านิ่มๆไม่ให้เกิดรอยขีดข่วนได้และไม่ควรใช้เครื่องอัลตราโซนิคในการทำความสะอาดไข่มุก